วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ตัวอย่าง โปรโตคอล ต่างๆ

โปรโตคอล IGMP (Internet Group Message Protocol)

โปรโตคอล IP ยังสามารถแบ่งการสื่อสารออกเป็นสองชนิดด้วยกันคือ แบบยูนิคาสติ้ง (Unicasting) และ แบบมัลติคาสติ้ง (Multicasting) โดยยูนิคาสติ้งเป็นการสื่อสารระหว่างฝ่ายส่งและฝ่ายรับ ซึ่งเป็นเการสื่อสารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (One-to-One Communication) อย่างไรก็ตาม ในบางครั้งอาจจำเป็นต้องมีการส่งเมสเสจเดียวกันนี้ไปยังผู้รับหลายๆ คน หรือหลายๆ กลุ่ม จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการส่งแบบมัลติคาสติ้ง ซึ่งเรียกว่าการสื่อสารแบบหนึ่งต่อกลุ่ม (One-to-Many Communication)
ปัจจุบันได้มีแอปพลิเคชันมากมายที่ใช้สำหรับเพื่อการนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไอพีก็สนับสนุนวิธีการส่งแบบมัลติคาสติ้ง เช่น หมายเลขไอพีแบบมัลติคาสต์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ตโปรโตคอลคลาส D โดย 4 บิตแรก (High-OrderBit) ที่เริ่มต้นด้วย 1110 จะใช้กำหนดกลุ่มของโฮสต์มัลติคาสต์ และด้วยการส่งข้อมูลแบบมัลติคาสต์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ก็จะทำให้ข้อมูลเพียงชุดเดียวที่มาจากฝ่ายส่งจะมาถึงกลุ่มผู้รับหลายๆ คน หรือเป็นกลุ่มสมาชิกได้ด้วยการส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเพียงครั้งเดียว ทำให้ลดแบนด์วิดธ์ลงได้มาก ซึ่งแตกต่งจากการส่งข้อมูลแบบบรอดคาสต์ที่โฮสต์บางโฮสต์อาจไม่ต้องการรับข้อมูลเหล่านั้น หรือการส่งแบบยูนิคาสต์ที่โฮสต์ต้นทางจะต้องทำการจัดส่งหลายรอบ ซึ่งจะเท่ากับจำนวนของโฮสต์ปลายทางที่ต้องการข้อมูล ทำให้สิ้นเปลืองแบนด์วิดธ์ ดังนั้นไอ-พีมัลติคาสต์จึงเหมาะกับการนำมาใช้งานบนเครือข่ายกับข้อมูลประเภทมัลติมีเดีย การประชุมผ่านวิดีโอคอมเฟอร์เร็นซ์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดแบนด์วิดธ์บนลิงก์มาก เนื่องจากโฮสต์ต้นทางจะส่งข้อมูลเพียงชุดเดียว ไปยังกลุ่มปลายทางที่อยู่ในกลุ่มสมาชิกเดียวกันได้ด้วยการส่งเพียงครั้งเดียว
http://www.burapaprachin.ac.th/network/Page802.htm

โปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol)

โปรโตคอล UDP เป็นโปรโตคอลในลำดับชั้นทรานสปอร์ต โดยในส่วนของเฮดเดอร์จะประกอบด้วยส่วนของหมายเลขพอร์ตต้นทาง/ปลายทาง ขนาดความกว้างของข้อมูล และตัวควบคุมข้อผิดพลาด (Checksum) โดยแพ็กเก็ตที่ประกอบขึ้นจาก UDP นี้จะเรียกว่า ยูสเซอร์ดาต้าแกรม (User Datagram)
UDP เป็นโปรโตคอลชนิดคอนเน็กชันเลส ที่ไม่มีการสร้างคอนเน็กชันกับสถานีปลายทางก่อนการส่งข้อมูลดังนั้น เมื่อมีข้อมูลที่จะส่ง UDP ก็จะดำเนินการส่งข้อมูลเหล่านั้นทันที และไม่มีการรับประกันถึงข้อมูลที่ส่งว่าไปถึงปลายทางผู้รับหรือไป และหากข้อมูลไปไม่ถึงปลายทางหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา ลำดับชั้นที่อยู่เหนือกว่าจะต้องเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขเอง ดังนั้น โปรโตคอล UDP จึงเป็นโปรโตคอลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ (Unreliable) โดยรายละเอียดภายในเฮดเดอร์ของโปรโตคอล UDP อธิบายได้ดังต่อไปนี้
w Source Port Address
คือ หมายเลขพอร์ตของฝ่ายต้นทาง
w Destination Port Address
คือ หมายเลขพอร์ตของฝ่ายปลายทาง
w Total Length
คือ ฟิลด์ที่ใช้ระบุความยาวทั้งหมดของยูสเซอร์ดาต้าแกรม ซึ่งมีหน่วยเป็นไบต์
w Checksum
คือ ตัวที่ใช้สำหรับตรวจสอบข้อผิดพลาด โดยใช้แบบ Checksum ขนาด 16 บิต
http://www.burapaprachin.ac.th/network/Page8011.htm

โปรโตคอล IP (InterNetwork Protocol)

IP เป็นกลไกการส่งข้อมูลที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP ในลักษณะคอนเน็กชันเลส โดยจะไม่รับประกันการส่งข้อมูลว่าจะไปถึงผู้รับหรือไม่ ไม่มีการตรวจสอบข้อผิดพลาด และด้วยการปราศจากกลไกการรับประกันข้อมูลที่ส่งไปถึงปลายทาง การไม่มีการตรวจสอบข้อผิดพลาด ละไม่ต้องสร้างคอนเน็กชันกับโฮสต์ปลายทางนี้เองจึงทำให้หลักการทำงานของโปรโตคอล IP นี้ไม่มีความซับซ้อน โดยมีหน้าที่เพียงนำส่งข้อมูลไปถึงปลายทางได้ด้วยหมายเลข IP ซึ่งเป็นหมายเลขที่ใช้ระบุตำแหน่งเครื่องและเป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกัน
อย่างไรก็ตาม หากความน่าเชื่อถือในการส่งข้อมูลไปยังปลายทางเป็นสิ่งจำเป็น โปรโตคอล IP ก็จะทำงานควบคู่ไปกับโปรโตคอลที่มีเครื่องมือในการตรวจสอบข้อมูลว่าส่งไปถึงปลายทางหรือไม่ นั่นก็คือโปรโตคอล TCP ซึ่งสามารถอธิบายเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนด้วยการเปรียบเทียบกับการส่งจดหมายไปรษณีย์ โดยการส่งจดหมายแบบปกติ ผู้ส่งจะนำจดหมายมาใส่ซองติดแสตมป์และนำไปหยอดลงในตู้ส่งจดหมาย จากนั้นเมื่อถึงเวลาบุรุษไปรษณีย์ก็จะเปิดตู้จดหมาย เพื่อนำจดหมายนี้ส่งไปถึงผู้รับปลายทางตามที่อยู่ที่ได้จ่าหน้าซองไว้ ซึ่งการส่งจดหมายในลักษณะนี้ จะไม่มีการรับประกันการส่งว่าจดหมายนี้จะถึงผู้รับปลายทางหรือไม่ จดหมายอาจมีการตกหล่นหรือสูญ-หายระหว่างทางก็เป็นได้ ดังนั้น หากผู้ส่งต้องการความน่าเชื่อถือด้วยวิธีรับประกันว่า จดหมายฉบับนี้จะส่งถึงมือผู้รับอย่างแน่นอน หรือหากไม่ถึงผู้รับ ก็จะต้องได้รับแจ้งข่างสารกลับมาให้ทราบ การส่งจดหมายในลักษณะนี้จึงจำเป็นต้องมีการลงทะเบียน โดยผู้รับจะต้องมีการเซ็นรับจดหมายเพื่อยืนยันว่าได้รับจดหมายฉบับนี้จริง จึงถือเป็นกระบวนการส่งจดหมายถึงผู้รับเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้น IP ก็เปรียบเสมือนกับการส่งจดหมายธรรมดา ในขณะที่ TCP ก็คือการส่งจดหมายแบบลงทะเบียนที่มีการรับประกันการส่งถึงมือผู้รับนั่นเอง
http://www.burapaprachin.ac.th/network/Page8013.htm

ไม่มีความคิดเห็น: